วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


ใกล้จะเปิดเทอมกันแล้ว น้องๆ คงต้องเริ่มปรับเวลากันใหม่ ปิดเทอมไปนานนอนดึกตื่นสายกันจนชิน พอถึงเวลาที่จะต้องนอนเร็วตื่นเช้าก็เลยดูเหมือนจะทำให้หลายๆ คนยังปรับตัวไม่ได้ ช่วงวันแรกๆ ของการเปิดเทอมจึงมีน้องๆ หลายคนเกิดอาการ "ตื่นสาย" รีบอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านไปโรงเรียนโดยที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า
รู้ไว้เลยนะคะว่าพฤติกรรมแบบนี้นี่ล่ะค่ะ ที่กำลังจะเป็นบ่อเกิดแห่งอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ โดยที่ตัวเราเองอาจไม่รู้ตัว... ในวิชาสุขศึกษาคุณครูสอนเรามาตั้งแต่เด็กว่า อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุดของแต่ละวัน


 การไม่รับประทานอาหารเช้า (ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ) จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป เรามักจะคิดว่าการไม่รับประทานข้าวเช้านั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไร
 

ย้อนกลับไปที่คำสอนของคุณครู เค้าก็บอกอยู่แล้วว่าอาหารมื้อเช้าไปมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะนาฬิกาชีวิตของมนุษย์ทุกคนถูกต้องไว้แล้วว่า เราจะต้องการอาหารเช้าในช่วงเวลา 07.00 - 09.00 น. ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าช่วงเวลานี้สมองของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจนเป็นอาหารบำรุง
ถ้าไม่รับประทานอาหารเช้าก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจนส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง
     และถ้าหากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอหรือส่งไปได้น้อยแล้วล่ะก็ เราก็จะเริ่มมีอาการ... ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ฝันบ่อย ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเข่า ปวดศีรษะ ปวดหู ปวดกระบอกตา ปวดข้อเท้า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น เป็นไซนัส หรือ วิตกกังวล และอีกสารพัดอาการผิดปกติมากมายซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยที่เราเองก็อาจไม่รู้ตัว จนสุดท้ายทุกๆ อาการก็จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาการผิดปกติเหล่านี้อาจเป็นที่มาของอาการสมองเสื่อมต่อไปในอนาคตก็ได้นะคะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น