วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลสำรวจชี้ คู่รัก


บริษัท Rebtel คู่แข่งของ Skype ซึ่งให้บริการ VoIP เหมือนกัน
ได้ทำการสำรวจคู่รักที่ใช้บริการของทางบริษัทว่าได้วางแผนวันวาเลนไทน์ไว้อย่างไรกันบ้าง
โดย 56.8 เปอร์เซ็นต์ของของคู่รักที่เข้าร่วมการสำรวจนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันวาเลนไทน์ปีนี้
และ 86.6 เปอร์เซ็นต์ของคู่รักที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันนี้ จะหาวิธีการติดต่อกันสักวิธี (แปลว่าอีก 13.4
เปอร์เซ็นต์จะไม่ติดต่อกันเลยในวันวาเลนไทน์นี้?)

ถ้าให้เลือกแค่วิธีใดวิธีหนึ่ง
คู่รักเหล่านี้เลือกที่จะใช้วิธีการติดต่อหากันแบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้ครับ
   โทรศัพท์มือถือ - 64.3 เปอร์เซ็นต์
               ใช้ VoIP - 15.4 เปอร์เซ็นต์
                โทรศัพท์บ้าน - 6.4 เปอร์เซ็นต์
                 วีดีโอแชท - 4.6 เปอร์เซ็นต์
                 อีเมล - 3.9 เปอร์เซ็นต์
                  SMS - 2.5 เปอร์เซ็นต์
                   social network - 1.8 เปอร์เซ็นต์
                    IM - 1.1 เปอร์เซ็นต์

ตรียมปล่อย Angry Birds ลง Facebook ต้อนรับวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์นี้




มาแล้ว! Rovio เตรียมปล่อย Angry Birds ลง Facebook ต้อนรับวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์นี้
เหล่านกโกรธเตรียมระเบิดความมันส์ผ่านหน้าจอคอมให้เราได้ติดหนึบมากกว่าเดิม
กะจะไม่ให้ปิดโปรแกรม Facebook กันเลยทีเดียว
อัพเดทข่าวสารเสร็จก็วางแผนเอาไข่จากเจ้าหมูเขียวทันที
ลองสังเกตจากวิดีโอด้านบนครับ เมนูจะต่างจากเวอร์ชั่นบน iOS, Android และ Chrome
อีกทั้งหนังสติ๊กที่ใช้ยิงก็อันใหญ่ขึ้น
แบบนี้คงได้ระบายความโกรธกันมันส์ทะลุหมูแน่เลย!
แล้ววันแห่งความรักจะกลายเป็นวันอะไรดี?.. ติดตามรายละเอียดผ่านแฟนเพจ Angry Birds
ได้ http://www.facebook.com/events/174654275973227/
 หรือผ่านหน้าเว็บไซต์
http://www.rovio.com/en/news/blog/126/angry-birds-coming-to-facebook/

Whey เหมาะกับใคร ?


อันที่จริงแล้ว Whey เนี่ย ก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะ 
                              คนเล่นกล้าม หรือนักเพาะกาย เท่านั้นนะครับ 
                              นักกีฬาประเภทอื่น ที่ต้องใช้แรง ใช้ร่างกาย 
                              ต้องฝึกฝนกล้ามเนื้อ ก็กินได้ และควรกินครับ 
                              ถ้าคุณเล่นกีฬานั้นๆ แบบจริงๆจังๆจริงๆ 
                              ไม่ได้แค่เล่นเหยาะๆแหยะๆ หนุกๆ ขำ ขำ เอาฮา 
                              เพราะว่า Whey นี่จะช่วยได้ทั้งในแง่ การเสริมสร้าง 
                              พัฒนากล้ามเนื้อ และร่างกาย 
                              แล้วก็แง่ของการฟื้นฟูร่างกาย 
                              ที่มันสึกหรอไปในการฝึกด้วย

                              ถ้าสามารถหาซื้อหารับประทานได้ 
                              และไม่ลำบากลำบนเรื่องค่าใช้จ่าย ก็หามาใช้ได้ครับ 
                              ไม่ว่าจะเล่นกีฬาอะไร ก็มีส่วนช่วยทั้งนั้น

                              นั่นแหละครับ ก็คือเรื่องราวของเจ้า Whey ชนิดคร่าวๆ 
                              ส่วนชนิดลึกๆกว่านี้ เช่นพวกผลการศึกษาทางการแพทย์ 
                              หรือทางวิทยาศาสตร์การกีฬา 

โปรตีน สำคัญ ฉไหน





โปรตีน สารอาหารที่สำคัญที่สุดของร่างกาย
           โปรตีนสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย
โปรตีน เป็นสารอาหารที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
 เพราะ 80
เปอร์เซ็นต์ของร่างกาย ล้วนแต่ประกอบด้วยโปรตีน
   ดังนั้นหากร่างกายเราขาดโปรตีนแล้วจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมากมายอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก
           
            โปรตีนคืออะไร
            โปรตีน คือ โครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่สร้างเซลล์แต่ละเซลล์ขึ้นมา ร่างกายเราจะมีการผลัดเซลล์เก่าและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน เพื่อซ่อมแซมตัวเองอยู่ตลอดเวลา
            โปรตีนจึงเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับทุกเซลล์ในร่างกาย
 โครงสร้างของโปรตีน
            ประกอบขึ้นจากจากโครงสร้างเล็กๆที่เรียกว่า “กรดอะมิโน”
            ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 22 ชนิด แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
            1. กรดอะมิโนจำเป็น มีทั้งหมด 9 ชนิด ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้
            จำเป็นต้องได้จากการรับประทานอาหารเท่านั้น
            2. กรดอะมิโนไม่จำเป็น เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้
            มีทั้งหมด 13 ชนิด
            โปรตีนที่มีคุณภาพ
            หมายถึง แหล่งของโปรตีนที่ที่ให้ปริมาณกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน
            -แหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์  เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเหลือง
            -แหล่งโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์ เช่น ผัก และธัญพืช
           
            คุณประโยชน์หลักของโปรตีนที่มีคุณภาพ
            1. ประโยชน์ต่อเซลล์ผิว
            มีหน้าที่สร้างใยคลอลาเจนใต้ชั้นผิวหนังในร่างกาย
            ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น
            และช่วยเชื่อมประสานแต่ละเซลล์ให้ยืดติดกันเป็นเนื้อเดียว
            ทั้งช่วยปกป้องริ้วรอยก่อนวัยได้
            และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ผมและเล็บของเรา
           
            2. ประโยชน์ต่อระบบกล้ามเนื้อ
            กล้ามเนื้อทุกมัดมีโครงสร้างพื้นฐานจากกรดอะมิโนหลากหลายชนิดเรียงร้อยกันเป็นมัดกล้าม
     ดังนั้นโปรตีนคุณภาพจึงมีความสำคัญในการสร้ามเนื้อให้แข็งแรง
           
            3. ประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของร่างกายและระบบภูมิต้านทาน
            โปรตีนคุณภาพมีส่วนช่วยในการทดแทนเซลล์ที่สูญเสียไปในแต่ละวัน
            ช่วยลดกลไกการแข็งตัวของเลือด
            รวมทั้งเป็นส่วนประกอบหลักของภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย
           
 4. ประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร เนื่องจากอาหารที่เราทานเข้าไป
            ต้องใช้เอนไซม์หลายชนิด รวมถึงสารคัดหลั่งจากกระเพาะอาหาร ตับอ่อนและลำไส้เล็ก
 เพื่อช่วยแปรเปลี่ยนอาหารให้มีหน่วยเล็กลงและสามารถดูดซึมได้
            หากร่างกายได้รับโปรตีนคุณภาพซึ่งเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ในปริมาณที่เพียงพอ
            ก็จะช่วยให้อาหารต่างๆ
            ถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
           
            ภาวะการขาดโปรตีน สังเกตได้จาก
            1.การเจริญเติบโตและพัฒนาการช้า
            2.ผิวหนังที่เป็นแผลจะหายช้ากว่าปกติ
            3.เล็บฉีกขาดง่าย ซีดเซียว
            4.ผิวหนังหยาบกร้าน
            5.ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
            6.ผมมีเม็ดสีจาง ทำให้ผมหงอกก่อนวัย หลุดร่วงง่าย และแห้งแตกปลาย
            7.เกิดภาวะโลหิตจาง
            8.สมองทำงานช้ากว่าปกติ

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กินไข่สุกๆ ดิบๆ ระวังมีโทษต่อร่างกาย















กินไข่สุกๆ ดิบๆ ระวังมีโทษต่อร่างกาย
กินไข่สุกๆ ดิบๆ ระวังมีโทษต่อร่างกาย
อาหารที่ทำจากไข่ ไม่ว่าจะเป็น ไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ลวก ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ ไข่ยัดไส้ และอีกสารพัดเมนูไข่ คงจะคุ้นปากคนไทยเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า หากเราปรุงไข่แบบ สุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะ ไข่ดาว ไข่ลวก แทนที่จะได้ประโยชน์อาจเป็นโทษต่อร่างกาย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ อธิบายว่า ในไข่ 1 ฟอง ไข่แดงจะเป็นก้อนไขมัน ไม่มีโปรตีน แต่กลับกัน ไข่ขาวจะไม่มีไขมัน มีแต่โปรตีนอย่างเดียว ไข่ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ไม่ว่าเบอร์เล็กหรือเบอร์ใหญ่ สิ่งที่เหมือนกัน ไข่แดง ขนาดเดียวกันหมด แต่ที่ต่างกัน คือไข่ขาว ตรงนี้คนมักจะไม่ค่อยรู้
โทษของไข่ดิบ
มีคนเข้าใจว่าการกินไข่ดินวันละฟองในตอนเช้าจะรักษาเสียงได้ดี ความจริงแล้วการกินไข่ดิบ
ทำให้ร่างกายได้รับธาตุบำรุงจากไข่เพียงครึ่งเดียว
ในไข่ดิบมีโปรตีนที่เป็นปฏิชีวนะอยู่ ถ้าเรากินไข่ดิบบ่อยๆ โปรตีนชนิดปฏิชีวนะที่สะสมอยู่ในร่างกายจะขัดขวางไม่ให้ร่างกายได้รับ วิตามินB1 นอกจากนั้นถ้าไก่เป็นโรคไข่จะติดตามมาด้วย จึงอาจทำให้ผู้กินไข่ดิบติดโรคได้ จึงควรกินไข่ที่สุกเพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารทั้งหมดได้ ดังนั้น ไม่ควรกินไข่ดิบหรือไข่ครึ่งสุกครึ่งดิบเพื่อความปลอดภัยของ
ร่างกาย ส่วนในการทอดไข่ดาวนั้น ไม่ควรทอดเพียงด้านเดียว ควรพลิกทอดทั้ง 2 ด้าน เพื่อประกันว่าได้ฆ่าเชื้อโรคหมดแล้ว

การกินไข่ดิบ หรือไข่ที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆเช่น ไข่ดาว ไข่ลวก ถ้าไข่แดงเป็นยางมะตูมอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่ากับกินไข่ขาวที่เป็นยางใส ๆ เพราะไข่ขาวจะย่อยยาก เนื่องจากไข่ขาวดิบทั้งหมดเป็น "อัลบูลมิน" ถ้าไม่สุกจะทำให้มีปัญหาเรื่องลำไส้ ไม่ค่อยย่อย ยิ่งถ้าเป็นคนแก่จะไม่มีน้ำย่อยมาย่อย "อัลบูลมิน"

นอกจากนี้การกินแต่ไข่ขาวเพียงอย่างเดียว เพราะกลัวไข่แดงมีคอเลสเตอรอลสูง จะทำให้โปรตีนในไข่ขาวตัวหนึ่ง ชื่อ "อะวิดิน" ไปจับกับ "ไบโอติน" ในร่างกาย ซึ่ง "ไบโอ ติน" เป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นผม และสุขภาพผิว อีกทั้งการกินแต่ไข่ขาวอย่างเดียวร่างกายจะไม่ได้ "ไบโอติน" ที่อยู่ในไข่แดง แถม "อะวิดิน" ก็ไปจับกับไบโอตินอีก สรุปว่าต้องกินทั้งไข่ขาวและไข่แดง ด้วยการปรุงสุกเท่านั้น จะเป็นไข่ไก่ หรือไข่เป็ดก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรต้มดีที่สุด เพราะถ้าทอดหรือเจียว เรามักจะทอดกับน้ำมันพืช ซึ่งมีโอเมก้า 6 จะยิ่งไปต้านโอเมก้า 3 ในไข่
ด้าน นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การกินไข่สุก ๆ ดิบ ๆ ไม่ได้ให้ประโยชน์เต็มที่ แถมย่อยยาก และอาจมีเชื้อซาโมเนลลา หรือ อี.โคไล ที่ก่อโรคระบบทางเดินอาหาร และที่สำคัญอาจจะไม่ปลอดจากเชื้อไข้หวัดนก สรุปว่า กินไข่ดิบ ๆ สุก ๆ ไม่มีประโยชน์ สู้กินไข่สุกไม่ได้

ที่ผ่านมาสังคมไทยกลัวไข่มาก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด พอพูดถึงไข่ปุ๊บ มองไข่ในเชิงลบ ว่า มีคอเลสเตอรอลสูง จริงอยู่ไข่มีคอเลสเตอรอลสูง แต่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากด้วย แถมราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับโปรตีนประเภทอื่น ๆ

ก่อนที่จะกินไข่ ต้องดูก่อนว่า สุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไขมันในร่างกายไม่สูง ไม่เป็นเบาหวาน ไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่เป็นโรคเรื้อรังอะไร ผู้ใหญ่สามารถกินไข่ได้สัปดาห์ละ 3-4 ฟอง แต่ถ้าไขมันในเลือดสูง มีภาวะโรคอ้วน ต้องให้แพทย์แนะนำ โดยสามารถกินได้สัปดาห์ละ 1 ฟอง หรือกินเฉพาะไข่ขาว ซึ่งไม่มีคอเลส เตอรอล แต่มีโปรตีน ส่วนเด็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบ วัยเรียน ไปจนถึงวัยอุดมศึกษา สามารถ รับประทานไข่ ได้วันละ 1 ฟอง สัปดาห์ละ 7 ฟอง เพราะต้องใช้พลัง งานสูง โดยไข่จะมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทั้ง ด้านร่างกายและ สติปัญญา

ถามว่ากินไข่อย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยหลักง่าย ๆ คือ 1.กินไข่ที่ปรุงสุกเท่านั้น 2.ควรกินไข่ไปพร้อม ๆ กับอาหารหลัก 5 หมู่ ไม่ควรกินไข่อย่างเดียว โดยเฉพาะการกินไข่ร่วมกับผักจะมีไฟเบอร์ช่วยดูดซับคอเลสเตอรอลในไข่ได้ส่วนหนึ่ง 3.ควรกินไข่ในหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายเมนู คนที่มีภาวะไขมันในร่างกายสูง ควรหันมากินไข่ต้ม ไข่ตุ๋น แทนไข่เจียวหรือไข่ดาว 4.เมื่อกินไข่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้ไขมันสูงในวันเดียวกัน เช่น กินไข่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงกินข้าวขาหมู ปลาหมึก กุ้ง 5.กินไข่แล้วออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะลดภาวะ เสี่ยงต่อคอเลสเตอรอลสูงได้.

กินช็อกโกแลตทำให้เป็นสิวไหม?

กินช็อกโกแลตทำให้เป็นสิวไหม?  
เนื่องจากมักมีการปรุงรสช็อกโกแลตให้หวานและมันด้วยน้ำตาล นม และผลิตภัณฑ์จากนม การกินช็อกโกแลตมาก ๆ จึงอาจทำให้สิวเห่อได้จริง ส่วนขนมเค้กที่มักมีรสหวานและมีส่วนผสมของน้ำตาล แป้ง นม และผลิตภัณฑ์จากนม ก็ทำให้สิวเห่อได้ นอกจากนั้น ยังต้องระวังว่าการกินอาหารหวาน ๆ และขนมหวานมากเกินไป ล้วนก่อให้เกิดโรคอ้วนซึ่งทำให้เกิดโรคผิวหนังจากความอ้วนตามมาหลายอย่าง
          
  คนอ้วนอาจเป็นโรคสะเก็ดเงิน เห็นเป็นผื่นแดงนูนมีสะเก็ดสีเงิน มักเป็นตามข้อศอก หัวเข่า แนวไรผม          
  ผิวเป็นผื่นดำ ที่ต้นคอ รักแร้ และใต้ราวนม          
  มีติ่งเนื้อ พบบ่อยที่คอ รักแร้ การเกิดติ่งเนื้อนี้สัมพันธ์กับโรคเบาหวานและโรคอ้วน          
  โรคเชื้อราที่ซอกพับ (เช่น ขาหนีบ) ที่ชาวบ้านเรียกว่าสังคัง เห็นเป็นผื่นแดง คัน มีขุยและมีขอบนูน            ติดเชื้อยีสต์ (เช่น ที่ขาหนีบและใต้ราวนม) เห็นเป็นผื่นแดง มักมีจุดเล็ก ๆ กระจายอยู่รอบผื่น            ติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น ที่ขาหนีบ รักแร้) โดยเห็นเป็นผื่นแดง           บางโรคมีผลเสียในด้านความงามคือ ผิวแตกลาย มักพบที่ท้อง สะโพก ต้นแขนและต้นขา พบว่าคนอ้วนอาจมีขนดก ตุ่มขนคุดที่ตามต้นแขนต้นขา และคนอ้วนยังมีกลิ่นตัวได้บ่อย

กินขนมหวาน ทำให้เป็นสิวได้หรือไม่



คำถามที่ว่าดื่มนมมาก ๆ ทำให้สิวเห่อเป็นที่ถกเถียงกันมานาน เมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัย 2 ฉบับที่ชี้ว่านมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นสิว           ฉบับแรกทำการศึกษา แบบย้อนหลังในผู้หญิง 47,355 คน โดยให้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับอาหารและการเป็นสิวในวัยรุ่น และพบความสัมพันธ์ระหว่างนมต่อการเป็นสิวของวัยรุ่นหญิงกลุ่มนี้ จึงมีการศึกษาต่อมาในกลุ่มลูกชายวัยรุ่นของผู้หญิงกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามนี้ ซึ่งการศึกษาครั้งหลังก็พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มนมและการเป็นสิว จริง           มีรายงานว่า นมมีส่วนเพิ่มระดับของ IGF-1 ดังนั้นบทบาทของ IGF-1 กรณีนี้จึงอาจเกี่ยวข้องกับสิว เช่นเดียวกับกรณีของอาหารที่ให้น้ำตาลสูง นอกจากนั้น ในน้ำนมวัวยังมีฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดสิวอุดตัน เช่น เอสโทรเจน โพรเจสเทอโรน และแอนโดรเจน รวมถึงสารไอโอดีนในน้ำนมก็ทำให้สิวกำเริบได้ การดื่มนมและกินผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย มาก ๆ จึงอาจกระตุ้นให้สิวเห่อได้

มีรายงานว่าไม่พบสิวในคนบางกลุ่มซึ่งกินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ จึงมีการตั้งทฤษฎีการได้รับน้ำตาลน้อยว่า เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลน้อยระดับอินซูลินในเลือดจะต่ำ และภาวะน้ำตาลน้อยยับยั้งการผลิตแอนโดรเจน

           ส่วนอาหารที่มีน้ำตาลสูงทำให้มีอินซูลินในเลือดสูงขึ้น ซึ่งภาวะนี้นำไปสู่การมี insulin-like growth factor 1 (IGF-1) ในเลือดสูงขึ้น ซึ่งพบว่า IGF-1 ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วและหนาตัวขึ้น จึงทำให้เกิดก้อนไขมันอุดตันในรูขุมขนและเกิดสิวตามมา นอกจากนั้น IGF-1 และอินซูลิน ยังกระตุ้นการผลิตแอนโดรเจน ที่ทราบกันดีว่าเป็นตัวเพิ่มการผลิตไขมัน           มีการศึกษาทำในผู้ชายอายุ 15-25 ปีที่เป็นสิวจำนวน 43 ราย แบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ให้กินอาหารตามปกติ กลุ่มที่ 2 ให้กินอาหารที่ให้น้ำตาลต่ำ เป็นเวลาต่อเนื่องกันนาน 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่ได้อาหารที่ให้น้ำตาลต่ำผู้ป่วยมีน้ำหนักลดลง และปริมาณสิวลดลงโดยการนับจำนวนสิวทั้งหมด ปัจจุบันจึงเชื่อว่าการกินขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงน่าจะกระตุ้นให้สิวกำเริบ ได้จริง

ใกล้จะเปิดเทอมกันแล้ว น้องๆ คงต้องเริ่มปรับเวลากันใหม่ ปิดเทอมไปนานนอนดึกตื่นสายกันจนชิน พอถึงเวลาที่จะต้องนอนเร็วตื่นเช้าก็เลยดูเหมือนจะทำให้หลายๆ คนยังปรับตัวไม่ได้ ช่วงวันแรกๆ ของการเปิดเทอมจึงมีน้องๆ หลายคนเกิดอาการ "ตื่นสาย" รีบอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านไปโรงเรียนโดยที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า
รู้ไว้เลยนะคะว่าพฤติกรรมแบบนี้นี่ล่ะค่ะ ที่กำลังจะเป็นบ่อเกิดแห่งอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ โดยที่ตัวเราเองอาจไม่รู้ตัว... ในวิชาสุขศึกษาคุณครูสอนเรามาตั้งแต่เด็กว่า อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุดของแต่ละวัน


 การไม่รับประทานอาหารเช้า (ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ) จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป เรามักจะคิดว่าการไม่รับประทานข้าวเช้านั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไร
 

ย้อนกลับไปที่คำสอนของคุณครู เค้าก็บอกอยู่แล้วว่าอาหารมื้อเช้าไปมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะนาฬิกาชีวิตของมนุษย์ทุกคนถูกต้องไว้แล้วว่า เราจะต้องการอาหารเช้าในช่วงเวลา 07.00 - 09.00 น. ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าช่วงเวลานี้สมองของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจนเป็นอาหารบำรุง
ถ้าไม่รับประทานอาหารเช้าก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจนส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง
     และถ้าหากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอหรือส่งไปได้น้อยแล้วล่ะก็ เราก็จะเริ่มมีอาการ... ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ฝันบ่อย ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเข่า ปวดศีรษะ ปวดหู ปวดกระบอกตา ปวดข้อเท้า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น เป็นไซนัส หรือ วิตกกังวล และอีกสารพัดอาการผิดปกติมากมายซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยที่เราเองก็อาจไม่รู้ตัว จนสุดท้ายทุกๆ อาการก็จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาการผิดปกติเหล่านี้อาจเป็นที่มาของอาการสมองเสื่อมต่อไปในอนาคตก็ได้นะคะ 

10 ของใช้ใกล้ตัวที่สกปรกที่สุด

 ถ้าหากจะพูดถึงสิ่งสกปรกที่อยู่รอบๆ ตัวเรา หรือพูดถึงสถานที่ที่สกปรกเต็มไปด้วยเชื้อโรค ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่เรานึกถึงคงไม่พ้นลูกบิดประตูในห้องน้ำ หรือราวจับบนรถประจำทาง ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกค่ะ สิ่งของพวกนั้นมันก็มีเชื้อโรคแฝงอยู่จริงๆ นั่นแหละ แต่พี่เหมี่ยวจะบอกให้นะคะว่าจริงๆ แล้วเชื้อโรคและความสกปรกอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด บางทีก็แฝงอยู่กับของใช้ส่วนตัวที่เราใช้อยู่เป็นประจำทุกวันก็ได้ ...


     ไม่เชื่อก็ลองมาดู "10 ของใช้ใกล้ตัวที่สกปรกที่สุด" ดูแล้สิคะ ... อ่านแล้วจะสยอง -..-*





>> ฟองน้ำล้างจาน
     ด้วยวัสดุและรูป ลักษณ์ของมันที่เต็มไปด้วยรูพรุนที่สามารถใหน้ำ อากาศ ออกซิเจน เศษอาหารเข้าไปอาศัยอยู่ จึงเป็นแหล่งชุมชนแออัดของเหล่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี แล้วคิดดูสิคะว่า ฟองน้ำที่เราใช้ล้างจานอยู่ที่บ้านทุกวันนั้นจะสกปรกแค่ไหน (-*-) ... อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เราสามารถทำความสะอาดฟองน้ำให้ปราศจากเชื้อโรคได้โดยวิธีง่ายๆ คือ เอาไปต้มหรือให้ความร้อนผ่านไมโครเวฟซัก 60 วินาที แค่นี้ก็จัดการกับเชื้อโรคตัวร้ายได้แล้วล่ะ


>> อ่างล้างจาน
     เชื่อรึเปล่าคะว่า บริเวณอ่างล้างจานในบ้านเรา
 แต่ละตารางนิ้วนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัว OMG!!!
 ตายแล้วน่ากลัวมากๆ ... วิธีทำความสะอาดขจัดคราบที่คู่ควรกับตัวเลขห้าแสนนี้
 ก็คือ ใช้โซดาไฟหรือน้ำส้มสายชูราดทำความสะอาดมันซะ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าตามไปอีกที

>> อ่างอาบน้ำ
     คิดไม่ถึงล่ะสิว่า ที่นี่จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเหมือนกัน ก็แหม คิดดูสิคะ ถ้าเราแช่น้ำในอ่างทุกวันคราบความสกปรกจากร่างกายเราก็ไปติดอยู่ที่อ่างมาก มาย และถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาดล่ะก็ รับรองได้เลยค่ะว่าอ่างอาบน้ำของเราจะเป็นฟาร์มเพราะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี เลยทีเดียว ... วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรทำความสะอาดมันสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อยนะคะ


>> รีโมททีวี
     กดกันได้กดกันดี เป็นอุปกรณ์ประจำบ้านที่กดกันทั้งครอบครัว แต่เชื่อเถอะค่ะว่า กว่า 90% เรามักจะไม่ได้ทำความสะอาดมันทั้งๆ ที่เราออกจะหยิบสอยใช้มันออกจะบ่อย ทำความสะอาดบ้านครั้งหน้าก็อย่าลืมหยิบรีโมทไปเช็ดถูกันบ้างนะคะ 


>> ตะกร้าช้อปปิ้ง
     เป็นสิ่งของที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็น ของสด ของแห้งจากตลาด หรือความสกปรกจากพื้นเวลาที่เราวางตระกร้า สาระพัดสาระเพเชื้อโรคจากทั่วทุกสารทิศก็มารวมกันอยู่ที่ตระกร้าใส่ของที่เราใช้อยู่ทุกวันนี่ล่ะค่ะ -*-


>> ฝาที่นั่งชักโครก
     ฝาชักโครกที่บ้านเราอาจจะสะอาด(ประมาณนึง) เพราะเราทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ฝาชักโครกสาธารณะตามสถานที่ต่างๆ นี่สิคะน่ากลัวเป็นที่สุด โดยมีรายงานระบุว่า ทุกตารางนิ้วบนฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 295 ตัว -*-


>> โทรศัพท์มือถือ
     เดี๋ยวหยิบมาโทรคุย เดี๋ยวหยิบมาดูหนังฟังเพลง เดี๋ยวหยิบมาเล่นเกมส์ ... เชื่อไหมคะว่าโทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันอยู่ประจำในชีวิตประจำวันนั้น เพียบพร้อมไปด้วยปัจจัยความเจริญของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิอุ่นๆ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่เชื้อโรคชอบ พร้อมซอกซอยร่องหลืบง่ายต่อการกบดานหลบหนี และยังเต็มไปด้วยโภชนาการและอาหารจากน้ำลายและขี้ไคลมนุษย์(แหวะ!!) แค่คิดก็สยองแล้วล่ะค่ะ





>> คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์
กินข้าว กินขนม แต่งหน้า หวีผม หรือบางคนก็เม้าท์พ่นไฟแชทหน้าเวบแคม รู้รึเปล่าคะว่าคีย์บอร์ดนั้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีเลยทีเดียวล่ะค่ะ โดยเฉพาะเศษอาหาร ผิวหนัง เหงื่อไคลต่างๆ ที่ผู้ใช้คอมทำตกลงไปในคีย์บอร์ด -*- ซึ่งหลายคนก็ไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่ความสกปรกต่างๆ มันจะตกลงไปในร่องคีย์บอร์ด ทำให้ยากต่อการมองเห็นว่าสกปรกและยากต่อการทำความสะอาด ทำให้ไม่มีใครสนใจจะทำความสะอาดกันเท่าไหร่นัก จึงทำให้คีย์บอร์ดกลายเป็นแหล่งหมักหมมเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี รายงานระบุว่าคีย์บอร์ดที่ได้รับการสำรวจนั้นสกปรกกว่าฝานั่งชักโครกถึง 40 เท่าเลยทีเดียว OMG!!!!


>> สวิตช์เปิด
จะบอกให้นะคะว่าเชื้อโรคมักจะไปสะสมอยู่ตามปุ่มสวิทปิดเปิดไฟที่ต้องกดกันอยู่ทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าทุกๆ ตารางนิ้วบนสวิตช์ไฟที่เราเอานิ้วไปโดน เชื้อโรคสามารถย้ายสำมโนครัวตามติดมือไปได้ถึง 217 ตัวเลยล่ะค่ะ





>> เงิน ได้แก่ ธนบัตร เหรียญ
     มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่ แต่มีเชื้อโรคอยู่แบบนี้เขาเรียกว่า หายนะ ค่ะ!!! ... แบงค์ที่เราหยิบจ่ายซื้อของกันอยู่ทุกวันนี้ มีเชื้อโรคอยู่ประมาณ 135,000 ตัว และพวกเราทุกคนก็มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคนั้นกันอยู่ทุกครั้งที่จับแบงค์ ตายแล้ว แล้วแบบนี้จะทำยังไงกันล่ะคะ T^T


     ... เชื้อโรคร้ายใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดจริงๆ ด้วยล่ะค่ะ แบบนี้เราคงจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาดมากขึ้นแล้ว ทางที่ดีไปไหนมาไหนพกเจลล้างมือติดกระเป๋าไว้ ไปจับไปสัมผัสอะไรถ้าไม่แน่ใจเรื่องความสะอาดก็จัดการล้างมือฆ่าเชื้อไว้ก่อน วิธีนี่ก็น่าจะช่วยได้นะคะ
http://www.dek-d.com/content/lifestyle/27558/10-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94.php

10 ความเชื่อทางการแพทย์ผิด ๆ ที่ควรรู้

อันดับ  10  การ ตากฝน โดนอาการเย็น เช็ดตัวไม่แห้ง นอนตากพัดลม
 
 
ไม่ได้เป็นสาเหตุของหวัด แต่มาจากการรับ virus จากสาเหตุอื่นมากกว่า
 
 
อันดับ  9  อาหาร Low fat
 
 
เกือบทุกชนิดจะมี cal สูง เพราะมี carbohydrate สูงแทน ไม่เชื่อดูฉลากสิ
 
 
 
อันดับ  8  ไม่ มีการลดน้ำหนักเฉพาะส่วนได้จริง 
 
 
เพราะพลังงานที่เราใช้ต้องมาจาก เลือดไม่ได้มาจากเนื้อเยื่อในบริเวณที่ออก กำลัง และทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดไปว่าการ sit up ช่วยลดหน้าท้องได้แต่ จริงๆ การวิ่งยังจะลดได้มากเสียกว่า
 
 
อันดับ  7  การ เข้าน้ำเกลือแล้วจะมีแรง
 
 
ชาวบ้านโดยเฉพาะภาคอีสาน ชอบคิดว่า การเข้าน้ำเกลือ จะช่วยให้มีกำลังวังชาขึ้นมา ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด แต่ถูกนำไปใช้หลอกโดยกลุ่มหมอเถื่อน ไปตามหมู่บ้านชนบท แล้วไปแทงน้ำเกลือให้ คิดตังค์ ยิ่งน้ำเกลือที่มีสีเหลือง ชาวบ้านยิ่งชอบ คิดว่าเป็นการให้ยา จริงๆแล้ว ผสม Vit B ลงไป .... สรุป การเข้าน้ำเกลือไม่ได้ช่วยให้มีกำลังวังชาขึ้นมาแต่อย่างใด ถ้าคนไข้กินได้ควรให้กินก่อน การทำหัตถการที่invasive เช่นการแทง iv เอาไว้ทีหลัง
 
 
อันดับ  6  บาด แผลที่เกิดจากการถลอก  (แผลถลอก)
 
 
ทำแผลครั้งเดียวก็พอ เพราะ แผลก็จะแห้ง พอแผลแห้งก็ไม่ต้องทำแผลอีก ไม่มีประโยชน์อันใด
 
 
อันดับ  5  เวลา เจอคนชักให้เอาช้อนงัดปาก
 
 
บางคนก็เอารองเท้ายัด ที่ถูกคือไม่ให้เอาอะไรงัดทั้งสิ้น คนชักปกติจะไม่กัดลิ้นตัวเอง ยิ่งเอาอะไรใส่เข้าไปในปากจะยิ่งกัด ถ้าเอาช้อนงัด ผลที่ได้คือฟันหักเรียบ 
 
 
อันดับ  4  หลาย คน เชื่อว่า เวลาเริ่มจะมีอาการไม่สบายต้องรีบกินยาแก้อักเสบ
 
 
ซึ่งยาแก้อักเสบที่พูดถึงนั้นก็ คือ ยาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ นั่นเอง ไม่รู้ว่า แก้อักเสบตรงไหน เวลาที่เริ่มไม่สบาย เช่น ไอ เจ็บคอ ช่วงแรกนั้น เชื่อว่าเกิดจาก viral infection เพราะฉะนั้น การกินยา แก้อักเสบ Amoxycillin จึงไม่ได้ประโยชน์อะไร จะบอกว่าเป็น Bacterial infection ก็ต่อเมื่อ มีคอแดง เจ็บคอมาก กลืนแล้วเจ็บ ไข้สูง มีอาการดังกล่าว แล้ว ค่อยเริ่มกิน
 
 
อันดับ  3  หลาย คนเชื่อว่า หากไม่ได้นอน แล้วสามารถ นอนทดแทนได้
 
 
ซึ่งจริงๆแล้ว การนอนไม่สามารถนอนทดแทนได้ เช่น ปกติต้องนอนคืนละ 8 ชั่วโมง แล้ว เมื่อคืนนอนได้ 3 ชั่วโมง หายไป 5 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น ต้องนอนทดแทนให้ครบ 8 ก่อน หรือไม่ก็ ต้อง ทดในคืนต่อไป เป็น 13 ชั่วโมง จึงจะนอน อิ่ม ไม่จริงค่ะ การได้งีบหลับแค่ 10 นาทีก็ทำให้สดชื่นได้แล้ว...
 
 
 
อันดับ  2  มี ความเชื่อว่าการกินไข่ขาว ทำให้แผลหายช้า (เป็นแผลเป็นด้วย)
 
 
จริงๆแล้ว ช่วยให้แผลหายได้เร็ว เพราะมี albumin เป็นโปรตีนช่วยสร้างเสริมเนื้อเยื่อ ต่างหาก 
 
 
 
อันดับ  1 การ ปฐมพยาบาลผุ้ป่วยกินกรด เบส
 
 
ไม่ควรทำให้อาเจียน เพราะ จะเป้นการทำให้ กรดเบส เหล่านั้น ย้อนขึ้นมา ทำลายอวัยวะอื่นๆอีกได้ ให้รีบนำส่ง โรงพยาบาล

สร้างโลกส่วนตัวด้วยเสียงเพลง


สร้างโลกส่วนตัวด้วยเสียงเพลง
ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบวิธีที่ช่วยให้คุณเดินทางไปทำงานตอนเช้าได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น ทีมที่ทำการศึกษาจากมหาวิทยาลัยลอนดอนพบว่า การใส่หูฟังเครื่องเล่น MP3 บนรถสาธารณะที่แน่นขนัดจะทำให้คุณจำกัดวงพื้นที่ส่วนตัวให้เหลือแคบลง ผู้เข้าร่วมการศึกษาถูกขอให้ฟังเพลงที่ชอบ และให้คะแนนว่าพวกเขาจะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ได้มากขนาดไหนถึงจะเริ่มรู้สึกอึดอัด
        ผลก็คือ คนที่ฟังเพลงจะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ฟัง เหตุผลอาจเป็นเพราะเสียงเพลงทำให้เกิดอารมณ์ด้านบวกนั่นเอง

BEET ROOT: THE BEST LIFE



BEET ROOT: THE BEST LIFE
Last Update 2012-01-09
  
           ถ้าคุณคุ้นเคยกับพวกผักผลไม้ออร์แกนิกเป็นอย่างดี คุณคงเห็นหน้าตาบีตรูต หัวกลมๆ สีม่วงตามซูเปอร์มาร์เก็ตไฮโซกันมาบ้าง และครั้งต่อไปที่เจอเจ้าผักหัวม่วงนี้ ให้รีบคว้าติดตะกร้ากลับบ้านมาด่วน เพราะมันช่วยเพิ่มสมรรถภาพร่างกายให้คุณได้ทั้งในตอนเล่นกีฬาและเล่นผีผ้าห่มบนเตียง
           งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอกเซเตอร์พบว่า น้ำบีตรูตช่วยเพิ่มความทนทานของร่างกายได้ 16 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต้องยกความดีให้ไนเตรทในบีตรูตที่ช่วยลดการใช้ออกซิเจน คุณจึงเหนื่อยน้อยลงเวลาออกกำลังกาย การดื่มน้ำบีตรูต 300 มล. ก่อนลงวิ่งจะทำให้สปีดคุณดีขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
           นอกจากนี้ยังเคยมีผลการศึกษาฉบับเก่าๆ ที่แสดงให้เห็นว่าผักชนิดนี้ช่วยลดความดันโลหิต เพิ่มแรงขับทางเพศ และทำให้เจ้าโลกของคุณแข็งปั๋งกว่าเดิม อย่างหลังนี้คุณฟังแล้วอดใจไม่อยู่เลยล่ะสิแต่ข้อเสียของมันก็คือ รสชาติที่ไม่น่าพิศวาสเอาเสียเลย

เจ้าแห่งน้ำผลไม้ มะเขือเทศ


เจ้าแห่งน้ำผลไม้
Last Update 2012-01-09
      
          ถ้าคุณชอบมะเขือเทศ เราขอแนะนำว่าควรบริโภคในรูปน้ำมะเขือเทศดีกว่า นักวิจัยรู้กันมาหลายปีดีดักแล้วว่า การนำมะเขือเทศไปผ่านการแปรรูปจะเพิ่มพลังของสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้
          แต่ถ้าจะให้ผลที่ดีกว่านั้น ให้ดื่มน้ำมะเขือเทศแบบออร์แกนิก เพราะผลการศึกษาจากสเปนเมื่อปี 2011 พบว่า น้ำมะเขือเทศออร์แกนิกมีโพลีฟีนอลที่ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคมากกว่าน้ำมะเขือเทศปกติ 23 เปอร์เซ็นต์ นักวิจัยบอกว่ามะเขือเทศที่ปลูกโดยใช้ยาฆ่าแมลงอาจสูญเสียกลไกป้องกันตามธรรมชาติ ซึ่งมีโพลีฟีนอลเป็นองค์ประกอบสำคัญอยู่

ชาร์ตสารต้านอนุมูลอิสระ

 



ชาร์ตสารต้านอนุมูลอิสระ
Last Update 2012-02-02
        สารต้านอนุมูลอิสระช่วยคุณเลี่ยงอาการเจ็บป่วยบางอย่างได้ แต่คุณคงอยากรู้ต่ออีกว่าแล้วอาหารอะไรที่มีสารพวกนี้สูงสุด ค่า Oxygen Radical Absorbance Capacity (ORAC) เป็นการวัดประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงเป็นดัชนีชี้วัดที่บอกคุณได้ว่าอาหารชนิดไหนที่คุณต้องการ

ไวลด์บลูเบอร์รี ORAC 13,727
ศูนย์ระบบหลอดเลือดหัวใจในมหาวิทยาลัยมิชิแกนบอกว่า มันช่วยลดไขมันในกระเพาะได้ด้วย แต่ที่กินบนชีสเค้กนี่ไม่นับนะครับ

ถั่วแดง ORAC 13,259
ผลการศึกษาใน Journal of the American Medical Association พบว่า เส้นใยในถั่วแดงช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ อย่างนี้พริกก็หนาวน่ะสิ
แครนเบอร์รี ORAC 8,983
ผลการศึกษาใน Oral Microbiology and Immunology บอกว่า มันช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย แต่ไม่ได้แปลว่ากินแล้วไม่ต้องแปรงฟันนะ

สตรอว์เบอร์รี ORAC 5,983
มีวิตามินซีสูง และผลวิจัยใน Nutritional Journal ยืนยันว่ามันช่วยลดอาการหวัดได้ สวยทั้งรูป แถมจูบยังหอมอีกต่างหาก

พีแคน ORAC 5,095
การกินถั่วพีแคนช่วยชะลอการเสื่อมของประสาทสั่งการจากอายุที่เพิ่มขึ้น นี่เป็นข้อมูลจากงานวิจัยของศูนย์ประสาทชีววิทยาระดับเซลล์*

ถั่วดำ ORAC 4,181
ถั่วดำมีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ต่ำจึงช่วยควบคุมน้ำหนักได้ ผลวิจัยใน New England Journal of Medicine ยืนยันอย่างนั้น

เป้าหมายคือซิกแพ็ค

เป้าหมายคือซิกแพ็ค
Last Update 2012-01-09
      การฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดหรอกครับ ซิกแพ็คหรือ Rectus Abdominis เป็นกล้ามเนื้อก้อนเดียว ดังนั้นท่าบริหารกล้ามท้องทั้งหมดจึงกระตุ้นการทำงานกล้ามเนื้อส่วนนี้ได้ ฝึกตามเทคนิคต่อไปนี้ ซึ่งนอกจากจะง่ายแล้วยังให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วด้วย
A : ท่าบริหารกล้ามท้องด้านข้าง
ท่าที่ฝึกกล้ามท้องด้านข้างได้เกือบหมดคือ Rolling Plank โดยกลิ้งตัวแล้วทำท่า Plank ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นกลิ้งไปทำท่า Plank อีกข้างนาน 10 วินาที ครบ 2 ข้างนับเป็นหนึ่งเซ็ต ทำทั้งหมด 6 เซ็ต
B : ท่าบริหารหน้าท้องสุดเพอร์เฟ็กต์
ลองท่า“โม่แป้ง” ซึ่งเป็นท่าโปรดของแมคกิลล์ดูครับ เริ่มจากตั้งท่าเหมือนจะวิดพื้น แต่ให้คุณวางศอกและแขนท่อนล่างบนลูกสวิสบอลแทน วาดศอกเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ โดยไม่ให้แกนกลางลำตัวบิด


C : ปกป้องกระดูกสันหลัง
หน้าท้องของคุณถูกสร้างมาให้ต้านทานการเคลื่อนไหว ไม่ใช่สร้างการเคลื่อนไหว ดังนั้นให้หลีกเลี่ยงท่าที่ต้องบิด หรือโค้งงอกระดูกสันหลัง

D : เคล็ดลับกระชับซิกแพ็ค
แมคกิลล์บอกว่า การแขม่วท้องไม่ได้ช่วยอะไร ให้หันมาเกร็งหน้าท้องเหมือนจะเตรียมรับหมัดแทน

E : สูตรลัดสู่กล้ามท้องแน่นปึ้ก
“กล้ามท้องถูกออกแบบมาให้ทำงานพร้อมกันครับ” แมคกิลล์กล่าว ดังนั้นการพยายามบริหาร Rectus Abdominis ส่วนบนและส่วนล่างแยกจากกันจึงไม่ได้ผลนัก
ท่าที่ถูกลืม
      คุณอยากเพิ่มพลังในการยกท่า Bench Press ใช่ไหม นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิสซูรีพบว่า ท่าบริหารที่อ้างอิงจากท่าฝึกคลาสสิกยุค 50 อาจเป็นวิธีสร้างความแกร่งที่ได้ผลดีเลิศที่สุดก็ได้ อันนี้คุณต้องลองเองด้วยการเลือกน้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ 6 ครั้งมาเป็นน้ำหนักฐาน จากนั้นฝึกตามชุดฝึก 4 เซ็ตนี้ แล้วพัก 3 นาทีระหว่างเซ็ต

เซ็ต 1 ใช้น้ำหนักครึ่งหนึ่งของน้ำหนักฐานยก 10 ครั้ง
เซ็ต 2 ใช้น้ำหนัก 75 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักฐานยก 6 ครั้ง
เซ็ต 3 ใช้น้ำหนักฐานยกให้มากครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้
เซ็ต 4 ถ้าในเซ็ต 3 คุณทำได้ 5-7 ครั้ง ให้ใช้น้ำหนักเดิมแล้วฝึกต่อให้ได้มากที่สุด

รับปี 2012 ด้วยเป้าหมาย 9 ประการ

รับปี 2012 ด้วยเป้าหมาย 9 ประการ
Last Update 2012-01-09
แค่กระแสคงไม่ได้ผล ผลการศึกษาชิ้นใหม่ชี้ให้เห็นถึงองค์ประกอบสำคัญหลายอย่างที่ทำให้โปรแกรมลดและรักษาน้ำหนักประสบความสำเร็จ
การลดน้ำหนัก
1. ออกกำลังกายตามแบบที่ชอบ
2. จำกัดน้ำตาล
    จำกัดของหวานๆ ไว้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของแคลอรีต่อวันที่คุณกิน
3. คิดว่าจะรู้สึกดีแค่ไหนถ้าคุณผอมลง

การรักษาน้ำหนัก
4. เตือนตัวเองถึงเหตุผลที่ต้องควบคุมน้ำหนัก
    คอยจดบันทึกแรงจูงใจของคุณเอาไว้
5. จัดสรรเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
6. ให้รางวัลตัวเองที่ทำตามแผนการกินได้

ทั้งการลดและการรักษาน้ำหนัก
7. ทำรายการซื้อของเข้าบ้าน
8. ชั่งน้ำหนักบ่อยๆ
9. กินผักและผลไม้
    คนเรามีแนวโน้มจะลดน้ำหนักได้สองเท่าเมื่อกินผักและผลไม้บ่อยๆ


ที่มา: American Journal of Preventive Medicine



ขอสักครึ่ง (ชม.) ได้ไหมLast Update 2012-01-09      เลิกแก้ตัวเสียที เพราะแค่การออกกำลังกายแบบสลับช่วงสัปดาห์ละครึ่งชั่วโมงก็ช่วยให้สุขภาพคุณดีขึ้นได้แล้ว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์บอกไว้ เมื่อให้คนที่เป็นเบาหวานประเภทสองออกกำลังแบบสลับช่วงครั้งละ 10 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผลก็คือ การเผาผลาญของพวกเขาเพิ่มขึ้นและมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง การออกกำลังกายแบบสลับช่วงอย่างเข้มข้นอาจช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อที่ช่วยถ่ายเทน้ำตาลจากเลือดของคุณ

ไขมัน VS กระดูก
      อีกเหตุผลหนึ่งที่คุณควรย้ายก้นออกจากเก้าอี้ก็คือ ก้นของคุณมีเซลล์ชื่อ เมเซนไคมอล (Mesenchymal) ซึ่งเป็นสเต็มเซลล์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ไขมันหรือกระดูกก็ได้ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของคุณ นักวิทยาศาสตร์ในแคนาดาบอกไว้
ถ้าคุณเอาแต่นั่ง สเต็มเซลล์จำนวนมากขึ้นจะกลายเป็นเซลล์ไขมัน ซึ่งจะไปก่อตัวในกระดูกและขัดขวางบริเวณที่ปกติเป็นที่สำหรับสร้างไขกระดูกที่มีสุขภาพดี ภาวะนี้จะทำให้ร่างกายผลิตเลือดได้น้อยลง
ถ้าคุณออกกำลังกาย สเต็มเซลล์มีแนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นเซลล์กระดูก ซึ่งจะช่วยรองรับสเต็มเซลล์อื่นๆ ในไขกระดูก ทำให้คุณใช้ออกซิเจนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและต้านการติดเชื้อได้ การออกกำลังกายแค่ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจกระตุ้นให้สเต็มเซลล์กลายเป็นกระดูกแทนที่จะเป็นไขมันได้
เหวี่ยงแก้ปวด
       ถ้าคุณเจอปัญหาเจ็บหลังกวนใจ การเหวี่ยงเคตเทิลเบลอาจช่วยคุณได้ นักวิจัยในแคนาดาแนะนำไว้อย่างนั้น เหตุผลก็คือ “การเหวี่ยงเคตเทิลเบลทำให้คุณต้องเคลื่อนไหวสะโพก ในขณะที่แกนกลางลำตัวก็ต้องออกแรงเพื่อป้องกันกระดูกสันหลังเคลื่อน ซึ่งอาจช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่หลังได้”ดร.สจวร์ต แมคกิล ผู้เขียนงานวิจัย กล่าว ดูตัวอย่างท่าเหวี่ยงที่ถูกต้องได้ที่ MensHealth.com/kettlebellswing (อย่าเพิ่งฝึกถ้าคุณรู้สึกเจ็บหลังเวลาเหวี่ยงด้วยน้ำหนักมากๆ)
ดนตรีเรียกพลัง
       คุณไม่ได้คิดไปเองหรอก “การฟังเพลงโปรดอาจเพิ่มสมรรถภาพในการเล่นกีฬาได้” ผลการศึกษาใน Journal of Strength and Conditioning Research พบว่า ผู้ชายที่ฟังเพลงที่ตัวเองเลือกจะมีเรี่ยวแรงในการยกเวตมากกว่าตอนยกเงียบๆ เสียอีก นอกจากนี้พวกเขายังบอกว่ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขณะยกมากขึ้นด้วย ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่านั่นอาจทำให้นักยกน้ำหนักได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ความเผ็ดกระตุ้นกล้าม
        จะเรียกว่าเครื่องเทศของแชมป์ก็ว่าได้ เพราะมัสตาร์ดอาจช่วยให้คุณแพ็คกล้ามได้ใหญ่ขึ้น เมื่อนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรัตเกอร์สป้อนฮอร์โมนลักษณะคล้ายสเตียรอยด์ที่พบในเมล็ดมัสตาร์ดให้หนูกิน พวกเขาก็พบผลของการตอบสนองในเชิงอะนาบอลิค (การเผาผลาญที่เปลี่ยนสารต่างๆ อย่างซับซ้อนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อใหม่) นั่นคือ เส้นใยกล้ามเนื้อของหนูเพิ่มทั้งขนาดและจำนวน เรายังต้องรองานวิจัยเพิ่มเติมต่อไปเพื่อดูว่าจะได้ผลแบบเดียวกันในมนุษย์หรือไม่
ขบเพื่อสุขภาพ
        กินถั่วให้มากขึ้นอาจช่วยป้องกันคุณจากผลร้ายของเบาหวานได้ ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetes Care ระบุว่า คนที่เป็นเบาหวานประเภท 2 หากกินถั่ววันละหนึ่งกำมือ จะมีน้ำตาลในเลือดคงที่มากกว่าคนที่กินมัฟฟินโฮลวีตแทน การกินไขมันที่ดีต่อสุขภาพอย่างถั่วแทนที่แป้ง สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และยังอาจช่วยป้องกันเบาหวานได้ ดร.ซีริล เคนดัลล์ หัวหน้าทีมเขียนรายงานวิจัย กล่าว

ใยอาหารผลาญไขมัน

ใยอาหารผลาญไขมัน
Last Update 2012-02-02

        ผลการศึกษาชิ้นใหม่โดย Wake Forest Baptist Medical Center ในสหรัฐฯเปิดเผยว่า อาหารบางอย่างยิ่งกินมากยิ่งดี นักวิทยาศาสตร์พบว่า การกินใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งมีในผัก ผลไม้ และถั่ว ร่วมกับการออกกำลังกายปานกลางสามารถช่วยสลายไขมันในช่องท้องที่เกาะกุมอวัยวะต่างๆ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ การเพิ่มใยอาหารแค่วันละ 10 กรัม ก็ช่วยลดไขมันที่ว่านี้ลงได้ 7.4 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 5 ปี “ไขมันในช่องท้องมีความสัมพันธ์อย่างสูงกับโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในตับ”



        ผู้เขียนรายงานวิจัย ดร.คริสเตน แฮร์สตัน กล่าว พร้อมเสริมว่า “ผลการศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงแค่ง่ายๆ ก็ให้ผลลัพธ์สำคัญได้แล้วครับ” รู้อย่างนี้แล้วก็เปลี่ยนจากเมนูสลัดมาเป็นมันฝรั่งอบดีกว่าไหม


อย่ายอม (ให้สมอง) แก่

คนส่วนมากยอมรับว่าเมื่ออายุมากขึ้น สมรรถภาพของสมองคนเราย่อมถดถอยลงเป็นธรรมดา แต่งานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Neurology พบวิธีง่ายๆ ในการป้องกันภาวะนี้ นั่นคือการเพิ่มวิตามินบี12 ในอาหารที่กิน
     
 ผลการศึกษาที่ใช้เวลาจัดทำถึง 6 ปี พบว่าผู้ที่ได้รับวิตามินนี้มากกว่าจะมีภาวะสมองหดน้อยกว่า จึงมีแนวโน้มจะเป็นโรคความจำเสื่อมน้อยกว่า บริโภคให้ครบตามปริมาณที่แนะนำต่อวันด้วยการกินปลาแซลมอนสักชิ้น หรือกินซีเรียลเสริมวิตามินบี 12 เป็นประจำในมื้อเช้า เท่านี้สมองคุณก็จะสดใสไปจนถึงตอนผมหงอกแล้ว

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

10 อันดับสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก

ในโลกนี้มีสัตว์หลายประเภททั้งที่ดูน่ารัก สวยงาม แต่ก็มีสัตว์อีกประเภทที่มีพิษร้ายแรง วันนี้ผมขอนำทุกท่านให้รู้จักกับ 10 สุดยอดสัตว์ที่มีพิษที่สุดในโลกมาให้รู้จักกันครับ เผื่อท่านใดเกิดไปเที่ยวแล้วเจอเข้าก็จะได้รู้ทันป้องกันไว้ก่อนครับ

อันดับที่ 10 Puffer Fish ปลาปักเป้า


ปลา ปักเป้า คือสัตว์มีพิษที่มีคนนิยมบริโภคมาก โดยเฉพาะในแถบประเทศญี่ปุ่น (ปลาปักเป้าภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฟูกุ) และเกาหลี (ในส่วนของภาษาเกาหลีจะเรียกว่า บ๊อค ฮัง) โดนเนื้อปลาปักเป้านั้น จริงๆแล้ว ไม่ได้มีพิษ แต่ส่วนที่มีพิษก็คือพวกผิวหนังและเครื่องในของปลาปักเป้า แต่พิษเหล่านี้มักจะซึมเข้าไปในเนื้อตอนแล่ พ่อครัวที่จะแล่ปลาปักเป้าต้องมีใบอนุญาติกันเลย ถ้าหากกินพิษของปลาปักเป้าไป อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที

อันดับที่ 9 Poison Dart Frog กบลูกดอก



กบ ลูกดอกสีน้ำเงินนั้นเป็นสัตว์ ที่อยู่ในป่าฝนในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เป็นกบที่มีสีสันสวยงามแต่พิษของมันร้ายแรงมาก พิษของกบลูกดอก 1 ตัว สามารถฆ่าคนได้ถึง 10 คนและหนูถึง 20,000 ตัว พิษของมันเพียง 5 ไมโครกรัม (เท่ากับปลายเข็ม) ก็สามารถฆ่าคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ๆได้ พิษของมันถูกนำมาใช้ ในลูกดอกอาบยาพิษของอินเดียแดง มันจึงถูกเรียกว่ากบลูกดอก

อันดับที่ 8 Inland Taipan งูไทปันโพ้นทะเล



งูไทปันถูกพบได้มากในทวีป ออสเตรเลีย เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก พิษที่มันปล่อยออกมาจากการกัดหนึ่งครั้ง สามารถฆ่าคนได้ถึง 100 คน หรือหนู 250,000 ตัว พิษของมันสามารถฆ่ฤาคนได้ภายใน 45 นาที แต่อย่างไรก็ตาม งูไทปันเป็นงูที่ค่อนข้างขี้อาย ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีคนตายจากพิษของมัน

อันดับที่ 7 The Brazillian Wandering Spider แมงมุมบราซิล



แมงมุม บราซิลหรือแมงมุมกล้วย ได้รับการบันทึกลงในกินเนสเวิลด์เรคคอรด์ว่าเป็นแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงที่ สุดในโลก พิษของมันมีพิษทำลายประสาท พวกมันจะอันตรายอย่างมากเพราะโดยนิสัยของมันแล้วมันชอบแอบอยู่ตามรองเท้า ตู้เสื้อผ้า แม้กระทั่งในรถยนต์ พิษของมันถ้าโดนกัดนอกจากจะทำให้เจ็บปวดอย่างมากแล้ว มันจะทำให้อวัยวะเพศของเราควบคุมไม่ได้ และถ้ารอดตายจากการโดนมันกัด มันก็จะทำให้เราเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

อันดับที่ 6 Stonefish ปลาหิน



ถ้า แข่งกันในเรื่องของความสวย งามแล้ว ปลาหิน ท่าทางจะแพ้อย่างขาดลอย แต่ถ้าแข่งกันเรื่องความรุนแรงของพิษแล้วละก็ เจ้าปลาหินไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มันได้ชื่อว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของปลาหินนี้จะอยู่ในหนามของตัวมันเอง มีคนบอกว่า ถ้าคุณโดนมันแทงเข้าละก็ คุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเท่าที่มนุษย์จะเจ็บได้เลยทีเดียว นอกจากจะเจ็บสุดๆแล้ว มันจะทำให้คุณเป็นอัมพาต แล้วก็ตายได้ในที่สุด

อันดับที่ 5 Death Stalker Scorpion แมงป่องเดธท์ สตอล์คเกอร์



แมงป่องโดยทั่วไปนั้น ถึงแม้ว่าจะโดนกัด พิษของมันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมนุษย์ได้มากนัก อาจจะเจ็บปวดนิดหน่อย แต่?มันไม่ใช่สำหรับแมงป่องพันธุ์เดธท์ สตอล์คเกอร์เลย เพราะพิษของมันสามารถทำลายระบบ ประสาทได้ ถ้าคุณโดนมันกัด คุณจะปวดอย่างมหาศาล จากนั้นจะตามมาด้วยอาการไข้ขึ้น เป็นอัมพาต และตายในที่สุด แต่ถึงแม้พิษมันจะร้ายแรงมาก แต่มันก็ไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้ แต่ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อ เด็ก ทารก คนแก่ อย่างมาก ถึงแม้ว่ามันไม่สามารถที่จะฆ่าผู้ใหญ่ได้ แต่มันก็ทำให้เป็นอัมพาตได้นะ

อันดับที่ 4 Blue-Ringed Octopus ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน



ปลา หมึกแหวนน้ำเงินนั้นมีขนาด ที่เล็กมาก ขนาดประมาณลูกกอลฟ์เท่านั้นเอง แต่ขนาดไม่ใช่ปัญหาสำหรับความรุนแรงของพิษมันเลย เพราะพิษมันสามารถฆ่าคนได้ภายในไม่กี่นาที และที่สำคัญ มันยังไม่มียาแก้พิษ =.= ถ้าโดน ปลาหมึกแหวนน้ำเงินกัดละก็ คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากหรอก แต่ว่าพิษมันจะเริ่มทำลายระบบประสาทของคุณ หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกอ่อนแอและคุณก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบการหายใจจะเริ่มล้มเหลว หลังจากนั้น ก็ตายในที่สุด

อันดับที่ 3 Marbled Cone Snail หอยเต้าปูนลายหินอ่อน



หอย เต้าปูนตัวเล็กๆ สีสันสวยงาม แต่!!! พิษของมันน่ะเหรอ เพียงแค่หยดเดียว สามารถฆ่าคนได้ถึง 20 คน ถ้าคุณเล่นน้ำที่ทะเลที่มันค่อนข้างอุ่นๆแล้วเห็นเจ้าตัวนี้อยู่ อย่าคิดที่จะหยิบมันมาเล่นเลย แค่ดูมันอยู่ห่างๆก็พอแล้ว เพราะถ้าคุณโดนพิษมันเล่นงานละก็ คุณจะปวด หลังจากนั้นก็จะเริ่มบวม ระบบการหายใจเริ่มล้มเหลว ร่างกายจะคันหยุกหยิก เป็นอัมพาต แล้วก็ตายในที่สุด แต่ยังไงก็ตาม มีรายงานว่ามีแค่ 30 คนเท่านั้นที่ตายเพราะหอยเต้าปูน

อันดับที่ 2 งูจงอาง



งู จงอางหรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Ophiophagus hannah เป็นงูพิษที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ด้วยขนาดโตสุดที่ 5.6 เมตร งูจงอางนั้น เรารู้กันว่าอาหารโปรดของมันก็คือ งู !!! นั่นหมายความว่ามันกินสัตว์ตระกูลเดียวกัน และเพียงแค่โดนมันกัดเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนตายได้อย่างง่ายๆ และพิษของมันนั้น สามารถฆ่าช้างที่โตเต็มวัยได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ในส่วนประกอบของมันแตกต่างกับพิษงูโดยทั่วไป ที่สำคัญมันพบได้ทั่วไปในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทย

อันดับที่ 1 Box Jellyfish แมงกระพรุนกล่อง



และ แล้วแมงกระพรุนกล่องก็ได้ เป็นแชมป์สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก รายงานว่ามันฆ่าคนไปแล้ว 5,567 คน พิษของมันนั้นจะไปทำลาย หัวใจ ระบบประสาท ผิวหนัง และที่สำคัญ ถ้าโดนพิษมันจะเจ็บปวดอย่างที่สุด ส่วนใหญ่คนที่โดนพิษมันนั้นจะช็อค และหัวใจล้มเหลวก่อนที่จะกลับเข้าถึงฝั่ง แต่ถ้าคุณโดนพิษมันก็ยังมีโอกาสที่จะรอดอยู่นั่นคือ ต้องรีบเอาน้ำส้มสายชู มาล้างอย่างน้อย 30 วินาที เพราะมันจะทำลายพิษของแมงกระพรุนกล่องก่อนที่มันจะเข้าไปสู่กระแสเลือด

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

10 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก

อันดับ  10   เมือง อิสตันบูล  Istanbul  ประเทศ ตุรกี 
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  6,682,700 คน
          แม้อิสตันบูลจะไม่ใช่เมืองหลวงของตุรกีอย่างกรุงอังการา แต่มีความสำคัญทัดเทียมกัน ทั้งในแง่ที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุด และเป็นศูนย์กลางความเจริญด้านธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นฉากสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของอนาโตเลีย เพราะอิสตันบูลก็คือกรุงคอนสแตนติโนเปิลอันยิ่งใหญ่นั่นเอง จึงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวหากใครไม่ได้ไปเยือน ก็เหมือนไม่ถึงตุรกี และความแปลกของอิสตันบูลหนึ่งเดียวในโลก คือการเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส และทวีปเอเชีย ฝั่งอนาโตเลีย การได้ไปเยือนเหมือนการอยู่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 อารยธรรมที่มีคุณค่า ดั่งอัญมณีของโลก


อันดับ  9   เขตปกครองพิเศษฮ่องกง Hong Kong   ประเทศ จีน
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  7,290,400 คน  
          ฮ่องกงประเทศที่คนไทยนิยมมาเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย  รวมไปถึงประชาชนจากทั่วโลกก็นิยมไปเยือนที่นี่เช่นกัน  ฮ่องกงมีชื่อเสียงด้านแหล่งช้อปปิ้งสินค้าราคาถูกบนถนนนาธาน, เสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ ราคาแพงลิบลิ่ว,ป่าคอนกรีตหรือตึกระฟ้า, สินค้าอิเลคทรอนิคส์, ของเล่น มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเยี่ยมเยียน ไม่ว่าจะเป็น Hong Kong Disneyland, Ocean Park, The Peak การแสดงแสงสีเสียง Symphony of Light มีวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาสักการะขอพร ไม่ว่าจะเป็นพระใหญ่วัดโปลิน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทองสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก , เจ้าแม่กวนอิมที่อ่าว Repulse Bay   หรือจะเป็น Victoria Peak จุดชมวิวสุง              สุดของฮ่องกง มองลงมาจะเห็นโดยรอบเกาะฮ่องกง ซึ่งจะเมืองเห็นป่าคอนกรีตเรียงราย มากมาย ซึ่งฮ่อง เป็น 1-3 เมืองที่มีตึกสูงมากที่สุดในโลก   ถ้าใครมาฮ่องกงและไม่มาที่ จุดชมวิวแห่งนี้ เหมือนมาไม่ถึง  ฯลฯ ที่สำคัญยังมีอาหารจีนอร่อยๆมากมาย ให้ลองลิ้มชิมรสกันอีกด้วย

อันดับ  8  เมือง Dubai นครดูไบ   ประเทศ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  7,584,500 คน 
          ดู ไบไม่เหมือนที่ใดในโลก นี่คือศูนย์กลางความหรูหราฟู่ฟ่า ทั่วทั้งเมืองกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งโอกาสและความมั่งคั่งที่พร้อมปะทุขึ้น ทุกเวลา นี่คือเมืองที่โทรศัพท์มือถือฝังเพชรเครื่องละ 10,000 เหรียญ สหรัฐขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และนี่เมืองที่ในปีหนึ่งๆ มีผู้คนหลายล้านคนบินเข้ามาเพื่อช็อปปิ้งเพียงอย่างเดียว




อันดับ  7  เมือง Antalya อันตัลยา   ประเทศ Turkey ตุรกี
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  8,295,600  คน
          แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศตุรกี ประเทศที่มีอารยธรรมผสมผสานกันระหว่างตะวันออกและตะวันตกหรือยุโรปกับมุสลิม ตุรกีจึงเป็นหนึ่งในสิบอันดับประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 



อันดับ  6  เมือง Paris  ปารีส  ประเทศ France  ฝรั่งเศส
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  8,775,000  คน
          ปารีส เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้น อีล-เดอ-ฟรองซ์    ปารีสได้รับการยกย่องว่าเป็น เมืองหลวงแห่งแฟชั่น มีแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อมากมาย น้ำหอมอันเลืองชื่อ  แฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้า อันสุดทันสมัย  อีกทั้งยังเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกสำหรับอีกหลายๆ คน  หอไอเฟล อันสวยงาม ที่มีชื่อเสียง  ที่คนไทยและคนทั่วโลกรู้จักเมืองนี้

อันดับ  5 เมือง Kuala Lumpur   กัวลาลัมเปอร์   ประเทศมาเลเซีย  Malaysia
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  8,935,000 คน
          มาเลเซีย ที่นี่ เอเชีย : Malaysia Truly Asia เพื่อนคงจะเห็นโฆษณานี้มาออกอากาศบ้านเรา    กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย มีที่ท่องเที่ยวในเมืองหลายที่ ที่น่าสนใจ เริ่มจาก ลานประกาศ เอกราช Independence Square หลังจากที่อังกฤษเคยปกครองมาเลเซียมาอย่างยาวนาน เป็นลานหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ หากจะเทียบกับของประเทศไทย จะคล้ายกับสนามหลวงบ้านเรา และชมอดีต เสาธงที่สูงที่สุดในโลก  Union Jack ที่สูงถึง 100 เมตร โดยบริเวณรอบๆนี้ ยังเป็นสถาปัตยกรรมอังกฤษ อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นตึก อาคาร หอนาฬิกา , วัด จีนเทียนโหว
          "มาเลเซีย" อาจไม่ใช่ปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวชาวไทย "กัวลาลัมเปอร์" อาจอยู่ในลำดับกลางๆ ของตารางการช๊อปปิง  ไม่สู้เมืองชื่อดังอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ กรุงเทพ  แต่ "เพื่อนบ้าน" แห่งนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งใน "มิตร" ที่ดีที่สุดของคนไทยใครไม่เชื่อต้องไป พิสูจน์เอง


อันดับ  4 เมือง Singapore  สิงคโปร์  ประเทศ Singapore สิงคโปร์
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  10,115,600 คน
          สิงคโปร์ เป็น ประเทศเล็กๆ ที่มีความเจริญ และเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด และใครทำผิดจะได้รับโทษอย่างหนัก  แต่ดินแดนแห่งนี้มีผู้คนที่นี่เป็นมิตรดี จะถามทางหรือขอความช่วยเหลือก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว การเดินทางภายในประเทศมีรถไฟฟ้าครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ สะดวกสบายและปลอดภัยมาก ประชากรของสิงคโปร์มีอยู่ประมาณ 4 ล้านคนเป็นคนจีนซะ 77% มาเลเซีย 14% อินเดีย 8% และที่เหลือเป็นลูกครึ่งยุโรปเอเชียและชาติอื่นๆ

อันดับ  3   เมือง กรุงเทพมหานคร  Bangkok  ประเทศ ไทย  Thailand
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  10,209,900 คน
        กรุงเทพฯเป็นเมืองที่สามที่มีนักท่องเที่ยวมาเข้าชมมากที่สุด  นักท่องเที่ยวหลัก คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและประเทศ ญี่ปุ่น ในสามปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวไทยได้รับความเดือดร้อนลดลง 6%เนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศที่นำไปสู่การปิดสนามบิน  การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มสีต่างๆ , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดเป้าหมายตลาดแหล่งทางเลือกอื่นๆเพิ่มเติม จากกลุ่มประเทศย่านอาเซียน, ตะวันออกกลางและประเทศจีน
                  กรุงเทพมหานคร การันตีรางวัลเกี่ยวกับท่องเที่ยวมามามามากมายจากทั่วโลกที่โหวตให้   เมื่อต้นปีที่ผ่าน  กรุงเทพมหานครเมืองหลวงของไทย ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 16,000 คน ให้ได้รับรางวัล World’s Best City หรือเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2553

อันดับ  2   เมือง นิวยอร์ก  New York City  ประเทศ  สหรัฐอเมริกา  United States of America
        จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  10,786,100  คน)
 เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาและอันดับต้นๆของโลก     จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม และบันเทิงที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติอีกด้วยนอกจากจะเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดแล้ว **ส่วนพื้นที่ต่อประชากรยังถือว่าหนาแน่นที่สุดในสหรัฐอเมริกาลักษณะ เฉพาะของนิวยอร์กที่แตกต่างไปจากเมืองแห่งอื่นของสหรัฐ อเมริกามีให้เห็นหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบขนส่งที่มีโครงข่ายขนาดใหญ่ ระบบรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์กที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงการจราจรและผู้คนที่พลุพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล  นิวยอร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเกาะแมนแฮตตัน นักท่องเที่ยวมักจะแวะตามที่สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ตึกเอมไพร์เสตต ตึกไครส์เลอร์ ไทม์สแควร์ เทพีเสรีภาพ

อันดับ  1  เมือง ลอนดอน  London  ประเทศ  สหราชอาณาจักรหรืออังกฤษ  United Kingdom Or England
จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ  15,033,200  คน
          ลอนดอนหนึ่งในเมืองสำคัญของโลก และเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป เมืองที่รวมเอามนต์ขลังของบ้านเมืองแบบโบราณ และความทันสมัยแบบโลกยุคใหม่เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวและมีสีสัน และด้วยความหลากหลายที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี่เอง ทำให้ลอนดอนกลายเป็นเมืองในดวงใจของนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคน ชนิดที่ไปเยือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไม่มีเบื่อ



ที่มา http://www.unigang.com/Article/4103